ราชาธิราช เป็นวรรณกรรมแปลซึ่ง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และคณะ จัดทำขึ้นตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้รับยกย่องว่า มีความไพเราะหาที่เสมอมิได้

หน้านี้ประมวลไว้ซึ่งถ้อยคำสำนวนเด่นใน ราชาธิราช โดยจัดแบ่งตามผู้กล่าวป็นหลัก แล้วเรียงหัวข้อตามลำดับอักษรไทย

บรรยาย แก้ไข

"พระเจ้าตราพระยาก็สั่งให้จุดไฟเผาป่าขึ้น หวังจะให้กองทัพพระเจ้าฟ้ารั่วระส่ำระสายเป็นอันตรายด้วยอำนาจเพลิง"

พระเจ้าตราพระยาเผาค่ายพระเจ้าฟ้ารั่ว

"สมเด็จพระร่วงเจ้าทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสว่า สำหรับบุญเขาแล้ว ก็เอาไปให้เขาเถิด จึงสั่งให้เกณฑ์ชาวบ้านตราเลิก ชาวบ้านกลอง ห้าร้อยคน อำมาตย์ผู้หนึ่งเป็นนาย คุมพระยาช้างเผือกมาส่ง แต่แม่ช้างนั้นให้เอากลับคืนมา...ครั้นไปถึงท่าจะลงแพนั้น พระยาช้างเผือกจึงให้แม่ช้างลงแพก่อน ตัวพระยาช้างจึงลงต่อภายหลัง คนห้าร้อยซึ่งไปส่งนั้นจึงว่า ท่านจะเอามารดาไปด้วยฉะนี้ ข้าพเจ้าทั้งปวงก็มิพ้นพระราชอาญาพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระยาช้างได้ฟังคำคนทั้งปวงว่าดังนั้น ก็เอางวงขึ้นพาดหลังนางพังผู้มารดา มีจักษุทั้งสองนองไปด้วยน้ำตา จึงเอางวงพยุงส่งมารดาขึ้นจากแพ คนห้าร้อยได้เห็นแล้วก็บังเกิดสังเวชใจสิ้นด้วยกัน"

ส่งช้างเผือกข้ามน้ำไปยังเมืองเมาะตะหมะ

บุคคลไม่รู้ชื่อ แก้ไข

เจ้าของพันธุ์ผักกาด แก้ไข

"เบี้ยของเจ้าเบี้ยเดียวนี้ เรามิรู้ที่จะตวงพันธุ์ผักกาดให้"

เจ้าของพันธุ์ผักกาดกล่าวแก่มะกะโท

"บุตรรามัญผู้นี้มีปัญญาฉลาดนัก นานไปจะได้เป็นผู้ดีมั่นคง"

เจ้าของพันธุ์ผักกาดคิดกับตนเอง

เทวดาเศวตฉัตร แก้ไข

"ซึ่งข้าศึกมาล้อมพระนครไว้ครั้งนี้ จะทรงพระวิตกไปไย พระยาช้างเผือกผู้ของพระองค์เป็นชัยมงคลอยู่แล้ว ให้เร่งแต่งที่บนยอดเขาใกล้เมืองเมาะตะมะประดับด้วยราชวัติฉัตรธง แลให้เอาอ่างทองคำใส่น้ำตั้งพิธีแล้ว จึงประดับพระยาช้างด้วยเครื่องคชาภรณ์อันงาม เชิญขึ้นไป ณ ยอดเขาซึ่งตั้งพิธีนั้น พระยาช้างก็จะสูบเอาน้ำในอ่างทองพ่นออกไปทิศใด ปัจจามิตรที่อยู่ในทิศนั้นก็จะปราชัยไปทุกทิศ"

เทวดาประจำเศวตฉัตรกล่าวแก่มะกะโท

นายช้าง แก้ไข

"พระยาอู่ ผัวมหาเทวี ข้าศึกตามมาไม่เป็นทุกข์ มาถามเซ้าซี้อยู่อีกเล่า"

นายช้างต่อว่าพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก ขณะที่แบกพระองค์หนีข้าศึก แต่เมื่อไปถึงตำบลใดทรงเห็นสิ่งใดก็ตรัสถามทุกเมื่อไป

บัณฑิตแห่งบ้านมะเตวะ แก้ไข

"นิมิตของท่านนี้ใหญ่หลวงนัก จงเอาทรัพย์มากองลงสูงเพียงศีรษะเมื่อใดแล้ว เราจึงจะทำนายให้แก่ท่าน"

บัณฑิตแห่งบ้านมะเตวะกล่าวแก่มะกะโท

"แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า หาบไม่ต้องบ่าท่านแล้ว ซึ่งจะค้าขายสืบไปนั้น ท่านอย่าได้กระทำเลย หาเป็นประโยชน์ไม่ ท่านจงอาสาท้าวพระยาเถิด"

บัณฑิตแห่งบ้านมะเตวะกล่าวแก่มะกะโท

เสนาบดี แก้ไข

"อันธรรมดาไฟไหม้ ปถพีร้อน ถึงจะมีของดีเป็นที่รัก ก็จำจะเป็นรองเท้าเหยียบไป จึงจะหนีเพลิงซึ่งร้อนได้ บัดนี้ ก็มีศึกสงครามมาจะทำอันตรายแก่บ้านเมืองแห่งเรา อันประเพณีศึก จะหย่อนกำลังหารเหือดลงนั้นก็เป็นต้นด้วยโลกีย์เป็นที่ตั้ง จึงจะเกิดกำหนัดตัดความหารเหือดลงได้ พระองค์มีพระราชธิดาอยู่ ขอให้แต่งตละแม่ศรีไปอ่อนน้อมแก่พระมหาราชเจ้าเชียงใหม่ เห็นการสงครามก็จะเหือดหายไปเป็นมั่นคง"

เสนาบดีทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

โหร แก้ไข

"เป็นประเพณีสืบมา พระจันทร์เป็นใหญ่กว่าดาวทั้งปวง ถ้าดาวดวงใดใกล้พระจันทร์แล้ว รัศมีพระจันทร์ก็กลบสีดาวลบหายไป อันพระจันทร์ดุจพระมหากษัตราธิราชเจ้า ดาวนั้นดุจดังเสนาบดีทั้งปวงซึ่งเป็นบริวารพระมหากษัตริย์ ครั้นเข้าใกล้พระมหากษัตริย์แล้ว อานุภาพก็หายไป บัดนี้ ดาวกฤติกาเข้าใกล้ดวงพระจันทร์ตลอดไป รัศมีก็สว่างอยู่ หามลทินมิได้ พระจันทร์ก็ส่องสว่างอยู่ด้วยกันดังนี้ ต้องในคัมภีร์โหรว่า เสนาบดีจะคิดขบถประทุษร้ายต่อพระองค์ ซึ่งจะเข้าอยู่ในป่านี้ ข้าศึกจะมีกำลังมากขึ้น ไพร่พลในกองทัพก็เจ็บป่วยเป็นอันมาก ขอเชิญเสด็จพระองค์ยกกองทัพกลับคืนพระนคร"

โหรทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

พระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก แก้ไข

"อ้ายพระยาน้อยนี้มันเป็นบุตรของกูก็จริง แต่ว่ารูปร่างมันหาเหมือนกูไม่ ผมก็หยิก น่องทู่ ตาพอง ลักษณะคนสามหาวหยาบช้าใจฉกรรจ์"

พระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือกตรัสแต่ชาวสนมอยู่งาน

"ตัวเราเป็นกษัตริย์ ตั้งอยู่ในธรรมสุจริตโดยพระราชวัตรานุวัตร แลน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเรานี้ดุจมีจิตวิญญาณ ด้วยเทพยดารักษาพระพุทธศาสนาอภิบาลรักษา ถ้าผู้ใดถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแล้วมิได้ซื่อตรงประทุษร้ายต่อเรา ก็ถึงแก่ความฉิบหายดุจอ้ายมะละคอน ด้วยเทพยดาอาเพศ ใช่ฤดูฝนฝนตกฟ้าผ่าตาย ท่านทั้งหลายเห็นแล้วหรือ"

พระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือกตรัสในที่ประชุมข้าราชการ

พระยาเจ้าโล้ แก้ไข

"ท่านทำการทั้งนี้ผิด หาสมควรไม่ ถ้าทราบถึงพระมหากษัตริย์อันเป็นพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็จะถึงแก่ความตายความฉิบหาย ท่านอย่าพึงกระทำความชั่วต่อไปเลย"

พระยาเจ้าโล้กล่าวแก่มะกะโท

เพลง แก้ไข

"ตักกะตอยลัดอู รูปะนะโกลนโกญ ปะราตะลาญ แปลเป็นภาษาไทยว่า นางรูปงามทรามสวาทผาดหน้าดีมีศรีแก่นางทั้งหลาย ลูกชาวบ้านกล้วยป่า"

ชาวบ้านร้องเสียดสีเม้ยโกศก ลูกชาวสวนกล้วย ซึ่งได้เป็นเมียพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

"ปะดอยตุงเจิงทาสา แยกแสกกองมอกเตือนเทิง ๆ ลิคะมาระสมิตะ ปลอมฉำระปะวะสะมะงอม สมิงมะราหูเตาะมอยนายกะเตาะปอนสมิดอนมอนทิน...แปลเป็นคำไทยว่า ในเมืองตะเกิง พระบรมธาตุพระพุทธเจ้าผุดขึ้น สมิงมะราหู พระมหาเทวี หลายเขยกับป้าเมียจะใคร่ลอบรักกัน สมิงมะราหูแลพระเจ้าช้างเผือกจะร่วมเขนยกัน"

ชาวบ้านสอนให้เด็กร้องเพลงเป็นคำเสียดสีพระมหาเทวีซึ่งมีวัยแก่เฒ่าคิดจะเอาสมิงมะราหูผู้เป็นหลานเขยมาเป็นสามี

"มินเทืองฉุดกองเทืองเตินกะนายพราวพะยุสะ มิก่อจิมตะรุณพลายเตาะพะบายตละเทวีเชือง...[แปล] ว่า นกสะตือไซร้ขึ้นไข่ไว้ในต้นไม้อันคาอันซุ่ม อันสตรีแก่จะใคร่ได้สามีหนุ่ม ถันยุคลนั้นไซร้ยานลงถึงรั้งผ้า"

ชาวบ้านสอนให้เด็กร้องเพลงเป็นคำเสียดสีพระมหาเทวีซึ่งมีวัยแก่เฒ่าคิดจะเอาสมิงมะราหูผู้เป็นหลานเขยมาเป็นสามี

มหาจันทเทวี แก้ไข

"นี่ไว้ยศไว้อย่างไปถึงไหน...ไม่รักเป็นเอก จะรักเป็นโทละกระมัง ลูกอะไรแสนงอนสอนยากเช่นนี้"

มหาจันทเทวีตรัสแก่ตละแม่ท้าว

"แต่ก่อนได้พึ่งพ่อ พ่อหาไม่แล้ว หมายจะได้พึ่งผัว เมื่อลูกไม่คิดพึ่งผัวแล้ว ก็ฆ่าแม่เสียเถิด"

มหาจันทเทวีตรัสแก่ตละแม่ท้าว

มะกะโท/พระเจ้าฟ้ารั่ว แก้ไข

"ซึ่งจะเกิดยุทธนาการสงครามไปเบื้องหน้านั้น ท่านทั้งปวงอย่าได้สะดุ้งตกใจ ไว้เป็นภารธุระแห่งเรา เราก็เป็นเชื้อชายชาติทหาร จะกลัวอันใดกับปัจจามิตรข้าศึก ซึ่งทำนายว่าจะได้ช้างเผือกผู้ตัวหนึ่งนั้น เราก็ดีใจหนัก จะได้เป็นพาหนะอันประเสริฐ เป็นนิมิตมหัศจรรย์แก่บารมีเรา จะเป็นศรีพระนครอันนี้"

พระเจ้าฟ้ารั่วตรัสแก่ข้าราชการ

"แม้นจะยกพลออกหักหาญรบพุ่งด้วยกองทัพพระเจ้ากำมะลานี บัดนี้ ประดุจสาดน้ำรดกัน ก็จะเสียรี้พลทั้งสองฝ่ายเป็นอันมาก"

พระเจ้าฟ้ารั่วดำริเรื่องการรบกับพระเจ้ากำมะลานี

"แต่นี้ไป ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก"

พระเจ้าฟ้ารั่วตรัสในที่ประชุมข้าราชการ

สมเด็จพระร่วงเจ้า แก้ไข

"ลูกรามัญน้อย จงเก็บเอาเบี้ยเบี้ยหนึ่งไว้"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสแก่มะกะโท

"จงให้ไปเจริญทีฆายุสวัสดิ์ตามนิมิตนั้นเถิด"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสประสาทพระพรแก่มะกะโท

"มีบุญดุจหนึ่งรั่วตกลงมาจากฟ้า"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสชมมะกะโท

"ช้างนี้มิได้เกิดโรคประการใด มาเป็นดังนี้ ดูก็เป็นอัศจรรย์นัก หรือจะมิควรอยู่เป็นราชพาหนะแห่งเรากระมัง...เห็นช้างเผือกจะมิพอใจอยู่ด้วยเราแล้ว ประเทศอันใดพระยาช้างชอบใจจะไปอยู่ก็ตามใจเถิด"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสแก่พระองค์เอง

สมิง แก้ไข

สมิงมะละคอน แก้ไข

"พี่ข้าพเจ้าเป็นขบถต่อพระองค์ ตัวข้าพเจ้าหาเป็นขบถด้วยไม่"

สมิงมะละคอนทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

สมิงมังละคิด แก้ไข

"พระยารามประเดิดเกียจคร้าน มิได้เอาพระทัยใส่ในราชการแผ่นดิน อุปมาดังต้นไม้อันหาผลมิได้ มิดังนั้น ประดุจดอกไม้อันปราศจากกลิ่นหอม ก็หาประโยชน์มิได้ เมื่อตัวความคิดน้อยแล้วสิประกอบด้วยความเกียจคร้านเล่า แต่ทัพเสนาบดียกมาเพียงนี้ยังได้ความเดือดร้อนทั้งพระนครแล้ว ถ้ามีศึกกษัตริย์ใหญ่หลวงมาจะมิเสียพระนครเป็นเชลยเสียหรือ ทั้งพระยาช้างเผือกก็จะได้ไปแก่ข้าศึก จะนิ่งอยู่ให้ครองสมบัติสืบไปมิได้"

สมิงมังละคิดกล่าวแก่อุ่นเรือน ภริยา

สมิงราชสังครำ แก้ไข

"พระองค์เลี้ยงดูได้ดีมา จะหนีเข้าไปหาพระตะบะเหมือนคนทั้งปวงหาควรไม่ ถึงพระตะบะจะทำโทษแก่บุตรภรรยาสักเท่าใด ก็เป็นเวรานุเวรเขาทำมาแต่ก่อนเอง จะเอาเวรเขามาใส่เวรเราได้หรือ จำจะอาสาไปกว่าจะสิ้นชีวิต"

สมิงราชสังครำคิดกับตนเอง เมื่อพระตะบะจับบุตรภริยาสมิงราชสังครำไว้ทำโทษ เพื่อบังคับให้สมิงราชสังครำละทิ้งพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือกเข้ามาสวามิภักดิ์

สมิงสะมอญ แก้ไข

"อันพระตะบะนี้เปรียบประดุจสุนัขจิ้งจอกอันน้อย จะมาสู้พระองค์ซึ่งเป็นพระยาราชสีห์ได้ฉันใด"

สมิงสะมอญทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

อะขะมะมอญ แก้ไข

"บิดามารดา...เป็นบุพเทวดา มีพระคุณแก่เรามาหาที่สุดมิได้"

อะขะมะมอญคิดกับตนเอง

"อันการสงครามนี้ จะชนะก็ด้วยปัญญาแลความคิดเป็นประมาณ ซึ่งจะชนะด้วยรี้พลมากนั้นหามิได้"

อะขะมะมอญกล่าวแก่มะตะหยอก พ่อตา

อะลิมามาง แก้ไข

"มะกะโทนี้เป็นคนหยาบช้า หามีความสัตย์ซื่อตรงไม่ ไปอยู่ด้วยพระเจ้าสุโขทัย พระเจ้าสุโขทัยทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงให้เป็นดีแล้ว กลับลักพาพระราชธิดามาอีกเล่า แลบัดนี้ คนทั้งปวงนับถือว่าเป็นพี่เมียเรา พากันเข้าหาพึ่งพาเป็นอันมาก นานไปจะเป็นเสี้ยนหนามศัตรูเรา จะละไว้มิได้ จำจะคิดฆ่ามะกะโทเสีย แต่จะฆ่าโดยตรงนั้นมิได้ คนทั้งปวงจะนินทา แลพรรคพวกมะกะโทก็มีมาก เกลือกจะไม่สำเร็จ จำจะคิดฆ่าด้วยกลอุบาย"

อะลิมามางคิดฆ่ามะกะโท

อุ่นเรือน แก้ไข

"ธรรมดาขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแผ่นดินนี้ ต้องประพฤติให้องอาจดุจหนึ่งพระยาไกรสรสีหราช เสนาบดีพลเมืองจึงเกรงกลัว บัดนี้ พระองค์ก็ทรงพระชราภาพอยู่แล้ว จะมีผู้ใดเกรงกลัวหามิได้ ลูกชายเราก็มีอยู่สองคน ลูกชายใหญ่นั้นจะให้เป็นพระยาเสวยราชสมบัติแล้ว เราสองคนก็จะพึ่งพาอาศัยได้ถนัด ไพร่ฟ้าข้าเฝ้าทั้งปวงก็จะเกรงกลัวฉันเดียวกัน"

อุ่นเรือนกล่าวแก่สมิงมังละคิด สามี