คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประเทศไทย)
- “แทนที่มันจะจบ แต่ กกต.กำลังดำเนินการต่อเพื่อให้ตัวเองพ้นภาระ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ายุบ กกต.ก็ส่อจะผิดด้วย”
- ทางสำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างพิจารณาวิธีการคำนวณ 2-3 สูตรซึ่งมีทั้งสูตรเดิมที่เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และสูตรที่ทางนักวิชาการเสนอ ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องวิธีการคำนวณฯ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ระหว่างที่ยังไม่มีคำวินิจฉัย สำนักงาน กกต.ก็จะดำเนินการคำนวณตามสูตรที่จะพิจารณาเพื่อประกาศผลการเลือกตั้งให้ทัน 9 พ.ค. นี้ ซึ่งทั้ง 2-3 สูตรคาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ภายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้
- คืบหน้าของนิสิต ม. เกษตรที่ทำกิจกรรมรวบรวมรายชื่อถอดถอน กกต. หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยส่ง รปภ. จำนวนหนึ่ง (จำนวนมากกว่านิสิตที่ริเริ่มทำกิจกรรม) มาประจำอยู่ที่อาคารศูนย์เรียนรวม 1 (ศร.1) เพื่อห้ามไม่ให้นิสิตทำกิจกรรม นิสิตก็ย้ายมาที่ม้าหินอ่อนหน้าหอสมุดกลาง และก็ถูกเจ้าหน้าที่กองอาคารสถานที่ฯ ตามมาไล่ และเจ้าหน้าที่กองกิจการนิสิตตามมาบันทึกภาพ นิสิตจึงย้ายมานั่งพักเหนื่อยที่ใต้อาคารคณสังคมศาสตร์ (ซุ้มภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา หรือ “ซุ้มสัง-มา”) และก็โดนเลขานุการคณะและเจ้าหน้าที่มาขับไล่อีก สุดท้ายนิสิตจึงระเห็จมาตั้งโต๊ะ (จริงๆ คือ ตั้งพื้น เพราะไม่มีโต๊ะ) ที่นอกรั้วมหาวิทยาลัยบริเวณประตูพหลโยธิน ขณะนี้ก็กำลังรวบรวมรายชื่ออยู่ค่ะ และมีคนทยอยมาลงชื่อตลอด เหตุผลที่ทางเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยบอกแก่นิสิต ถึงการไม่ยอมให้นิสิตทำกิจกรรม คือ 1) นิสิตไม่ได้ขออนุญาตจากทางมหาวิทยาลัยก่อน (ถ้าขอ จะได้รับอนุญาตมั้ยยยย) ทั้งนี้ ทรัพย์สิน โต๊ะ เก้าอี้ ม้าหินอ่อน แม้แต่พื้นดินที่นิสิตยืนก็เป็นสมบัติของมหาลัย ดังนั้น จึงต้องได้รับอนุญาตก่อน (เหรอ นึกว่าเป็นของประชาชน) และ 2) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นกลางทางการเมือง จึงห้ามใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยแสดงออกทางการเมือง
- "กกต. อย่าตอบเหมือนคนไทยไม่ฉลาดเลย ปัจจุบันคนไทยฉลาดเยอะมาก และมีการสังเกตกันอย่างดีแล้ว อย่าพูดจาเอาแต่ใจตัวเอง ลองย้อนกลับไปดูการกระทำของตัวเอง ว่านี่คือความดีงามแล้วเหรอ นี่คือสิ่งที่จะทำให้เกิดความสามัคคีขึ้นจริงในชาติไทยแล้วเหรอ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่รับรู้เห็นและเป็นใจ
- "อยากให้มีการนับคะแนนใหม่ ทุกหน่วยเลือกตั้ง ถ้าคุณบอกว่าผิดพลาด มันงง แต่ละหน่วยเลือกตั้ง มีบัตรเสียเท่าไร เพราะอะไร กกต. ต้องแจกแจงทุกอย่าง ให้สะอาดชัดเจนด้วยครับ
- "อยากให้ กกต. เคารพทุกสิทธิทุกเสียงของชาวไทย ที่มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วย ขอดูคะแนนหน่อยได้มั้ย ที่ว่าแต่ละพรรคได้คะแนนไป ได้ไปเท่าไร ได้ไปจริงมั้ย เหมือนที่ กกต. เคยพูดไปหรือไม่ ทำอะไรทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ไม่ได้บอกว่า กกต. พูดเท็จนะ"
- ไม่ได้อยู่ในเสียงข้างมากหรือน้อย เพราะในวันที่พิจารณาเรื่องนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้ง ก.ก.ต. มีความพร้อมตั้งแต่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เราเตรียมการเลือกตั้งไปพอสมควรแล้ว ซึ่งตามปฏิทินของ กกต. เริ่มนับจากวันแรกของระยะเวลา 150 วัน เราคาดว่าควรจะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งภายในวันที่ 70 หลัง หลังจากที่กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จแล้ว ซึ่งการทำไพรมารี่โหวตทำได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องรอประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันเพื่อให้ประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้น จึงคิดว่าขยายเวลาเพียง 90 วันก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องถึง 120 วัน
- ถ้าเราให้โอกาส กกต.มากกว่าจู่โจมด้วยคำพูดจนเขาไม่สามารถตั้งตัวได้และทำลายความน่าเชื่อถือ ในบางเรื่องเป็นเรื่องจริงหากเราก็เลือกไม่เชื่อไปแล้ว ก็ต้องให้ความเป็นธรรม กกต.ไปด้วย
- “สิ่งที่ผมพูด ผมก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าผมอยากขึ้นศาล แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผมก็ต้องพูด เพื่อให้สำนักงาน กกต.มีความโปร่งใส”
- ถ้าโรงเรียนตั้งเกณฑ์คะแนนที่ สอบเข้าได้ที่ 710 คะแนน แล้วยังมีเด็กเข้าได้เกินมา 2 คน โรงเรียนก็ต้องเกณฑ์ให้สูงขึ้น เป็น 711, 712 จนกว่า ได้จำนวนเด็กพอดี ถูกไหมครับ? ถามว่า เด็กที่สอบได้ 337 คะแนน มันจะเข้าได้ไหมเนี่ย? แต่ตรรกะของ กกต ทำให้มันสอบเข้าได้ด้วย
- คิดว่าแต่ละฝ่ายก็อยากให้ กกต.ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ที่มีบางกลุ่มพยายามใช้เหตุตรงนี้เป็นช่องทางสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และสร้างความวุ่นวายปลุกให้เกิดกระแสออกมาเพื่อกดดัน กกต.ให้มาก ซึ่งต้องรอดูไปอีกสักระยะ แต่ถึงแม้จะพยายามกดดัน แต่เชื่อว่าช่วงนี้ไม่มีอะไร เพราะกกต.ก็ทำตามขั้นตอนอยู่แล้ว
- “เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.หนึ่งคน อยู่ที่ 71,000 คะเเนน และพรรคการเมืองใด ได้ ส.ส.ที่พึงมี มากกว่าจำนวน ส.ส.เขต ก็จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อตามจำนวน ส.ส.เขต ลบด้วยจำนวน ส.ส.ที่พึงมี และกรณีที่ได้ ส.ส.เขตมากกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมีพรรคการเมืองนั้น ก็ไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อกรณีที่เป็นปัญหาหนักใจของ กกต. น่าจะมาจากเรื่องการปัดเศษ ซึ่งการปัดเศษเป็นหลักที่อธิบายได้ในวิชาคณิตศาสตร์ จึงต้องอยู่ที่ กกต. ต้องยึดหลักรัฐธรรมนูญ หลักกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และหลักการปัดเศษในระบบคณิตศาสตร์สากล จึงจะปลอดภัยจากการข่มขู่ของนักการเมืองทั้งหลาย และจะไม่มีใครมาทำอะไรต่อดุลย์พินิจโดยสุจริตของ กกต.ได้”
- คงจะเป็นเรื่องดีถ้า กกต. ปรับปรุงระเบียบที่วางไว้ ก็จะเกิดการไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ขณะเดียวกันจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการร้องเรียนว่าบุคคลนั้นเป็นรัฐมนตรีแล้วยังเอาเงินของหลวงไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งด้วย ในการออกไปช่วยเหลือชาวบ้านในขณะเกิดอุทกภัย วาตภัย ต่างๆ
- ตอกย้ำว่ารู้สึกรันทดและไม่มั่นใจ พร้อมทั้ง ขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.แบบไม่มีที่ติเพราะนับวัน กกต.มีแต่จะเพิ่มความระแวงสงสัยในการปฏิบัติงานให้กับประชาชนและมั่นในว่าอีกไม่นานจะกลายสภาพเป็นเสาผุๆที่ปักอยู่ในโคลนตมและเปื้อนเปรอะน่ารังเกียจเป็นที่สุด
- กกต.ต้องทำตามกฎหมาย สิ่งที่กกต.จะดำเนินการพิจารณาได้มีอยู่ 3 กรณี 1.มีเหตุอันควรสงสัยว่า 2.ความปรากฏ และ3.มีผู้ร้อง ซึ่งกฎหมายเลือกตั้งมุ่งคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐแต่ยังคงให้สิทธิกับผู้ถูกร้องในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา กฎหมายจึงใช้คำว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า กกต.ก็สามารถพิจารณาได้แล้วไม่เหมือนกับกฎหมายอาญาที่ต้องปราศจากข้อสงสัย จึงจะสามารถเอาผิดได้ เนื่องจากเป็นเรื่องกระทบสิทธิเสรีภาพ
- ต้องขอบคุณ กกต.ชุดที่ผ่านมาที่มองเห็นหนทางการนำพาประเทศ ด้วยการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาธิปไตยไทย ตั้งแต่ฐานรากในชุมชน ซึ่งไม่ใช่เพียงการเรียกมาประชุมแล้วมอบภารกิจให้ทำ แต่มีการสร้างหลักสูตรพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย อบรมสร้างวิทยากรเพื่อนำความรู้ไปสู่การลงมือปฏิบัติจริง