ปรีดี พนมยงค์
นักกฎหมายและรัฐบุรุษชาวไทย (พ.ศ. 2443–2526)
ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 ,- 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526) หรือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นหัวหน้าคณะราษฎรสายพลเรือน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของไทย และผู้สำเร็จราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คำพูด
แก้ไข- "เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ก็ไม่มีประสบการณ์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ก็ไม่มีอำนาจ"
- "การตั้งสถานศึกษา ตามลักษณะมหาวิทยาลัย ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์และเป็นปัจจัย ในการแสดงความก้าวหน้าของประเทศ ประชาชนชาวสยาม จะเจริญในอารยธรรมได้ ก็โดยอาศัยการศึกษาอันดีตั้งแต่ชั้นต่ำ ตลอดจนการศึกษาชั้นสูง เพราะฉะนั้น การที่จะอำนวยความประสงค์ และประโยชน์ของราษฎรในสมัยนี้ จึงจำต้องมีสถานการศึกษา ให้ครบบริบูรณ์ทุกชั้น"
- "มหาวิทยาลัย ย่อมอุปมาประดุจบ่อน้ำ บำบัดความกระหายของราษฎร ผู้สมัครแสวงหาความรู้ อันเป็นสิทธิและโอกาสที่เขาควรมีควรได้ ตามหลักแห่งเสรีภาพในการศึกษา รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร เห็นความจำเป็นในข้อนี้ จึงได้ตราพระราชบัญญัติ จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้น"
- "ในทางการเมือง การใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตยต้องทำโดยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งหวังผลส่วนรวมจริง ๆ ไม่ใช่มุ่งหวังส่วนตัว หรือมีความอิจฉาริษยาอันเป็นมูลฐานเนื่องมาจากความเห็นแก่ตัว (เอโกอิสม์) ความสามัคคีธรรมหรือระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง จึงจะเป็นไปได้"
- "ก็อาจมีบางเรื่องที่ผมรู้ แต่เผอิญเข้าลักษณะของคำพังเพยโบราณว่า เป็นเรื่องที่พูดไม่ออกบอกไม่ได้ ผมก็ต้องผลัดไปในโอกาสที่สถานการณ์อำนวยให้พูดออกบอกได้ ถ้าหากโอกาสนั้นยังไม่เกิดขึ้นในอายุขัยของผม แต่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมิได้หยุดชะงักลงภายในอายุขัยของคนใดหรือเหล่าชนใด คือประวัติศาสตร์จะต้องดำเนินต่อไปในอนาคตโดยไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นผมขอฝากไว้แก่ท่าน และชนรุ่นหลังที่ต้องการสัจจะช่วยตอบให้ด้วย"
- "ตั้งแต่บรรพบุรุษสร้างชาติไทยเป็นต้นมา เราถือนโยบายเอกราชทางการคลัง ไม่เคยใช้นโยบาย "ภิกขาจาร" ปีใดเรามีงบประมาณรายได้มาก เราก็ใช้มาก ปีใดเรามีงบประมาณรายได้น้อย เราก็ใช้น้อยตามอัตภาพ ถ้าถึงคราวที่เราจำเป็นต้องลงทุน...เราก็กู้เงินโดยเสียดอกเบี้ยไม่มีอะไรผูกพัน ไม่ใช่เป็นการขอทาน"
- "การเรียกร้องให้ปวงชนชาวไทยได้คืนสิทธิประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้นเป็นการต่อสู้โดยชอบ ธรรม (Just Struggle) สิทธิประชาธิปไตยเกิดขึ้นตามธรรมชาติพร้อมกับการมีมนุษยชาติในโลกนี้ประวัติศาสตร์แห่ง มนุษยชาติซึ่งเป็นประวัติของกฎหมายมหาชน (รัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายมหาชน) ด้วยนั้น ปรากฎว่าในยุคดึกดำบรรพ์ กระบี่ (Anthropoid Ape) ซึ่งเป็นสัตว์จำพวกกึ่งลิงกึ่งคนได้พัฒนาเป็น มนุษยชาตินั้น มนุษย์รวมกันอยู่เป็นหมู่คนซึ่งมีหัวหน้าปกครองปวงชนอย่างแม่พ่อปกครองลูกจึงไม่มีการ เบียดเบียนลูก ชนในหมู่คนนั้นจึงมีเสรีภาพและความเสมอภาคกัน และมีจิตสำนึกในหน้าที่ว่าจะต้องใช้ สิทธิมิให้เสียหายแก่คนอื่นและแก่หมู่คน ต่อมาสิทธิประชาธิปไตยของมนุษย์ชาติได้ถูกยื้อแย่งไปโดยระบบทาสและระบบศักดินา คือผู้ มีอำนาจระบบทาสและระบบศักดินาคือผู้มีอำนาจในระบบทาสถือเอามนุษย์ที่อยู่ใต้อำนาจของตนให้มี ฐานะเหมือนสัตว์พาหนะของเจ้าทาส แล้วต่อมาผู้มีอำนาจในระบบศักดินาถือว่ามนุษย์มีฐานะเหมือนกึ่ง สัตว์พาหนะเป็นข้าไพร่ของเจ้าศักดินา"
- "ต้องใช้ปัญญาประกอบด้วยสติ เพื่อพิทักษ์เอกราชอธิปไตยสมบูรณ์ของชาติไว้ให้ได้ โดยป้องกันชาวไทยผู้รักชาติแท้จริงมิให้ตกหลุมพรางหรือกลวิธีใด ๆ ของ "กองกำลังแนวที่ 5" แห่ง "พวกกระหายสงคราม" "
[4]}}
- "ต้องใช้ปัญญาประกอบด้วยสติ พัฒนาระบบปกครองของประเทศไทยให้บรรลุถึงซึ่งระบบประชาธิปไตยสมบูรณ์ และป้องกันชาวไทยผู้รักชาติแท้จริงมิให้หลงเชื่อการโฆษณาที่จะดึงการปกครองประเทศไทยให้ถอยหลังเข้าคลอง"
- "ในปี ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2468) เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีความจัดเจน และโดยปราศจากความจัดเจน บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี ในปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ"
- "การพิทักษ์เอกราชอธิปไตยสมบูรณ์ของชาติไทย เป็นหน้าที่สูงสุดของคนไทยที่รักชาติ เพราะถ้าไม่สามารถพิทักษ์เอกราชอธิปไตยสมบูรณ์ของชาติไว้ได้ไซร้ ชาติไทยก็จะต้องตกเป็นเมืองขึ้นแบบเก่า หรือเมืองขึ้นแบบใหม่ (Neo-Colony) ของชาติอื่นซึ่งจะเป็นเหตุทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาการเมือง และการพัฒนาคติธรรมทางสังคม ต้องดำเนินไปภายใต้แนวทางและเพื่อประโยชน์ของชาติอื่น ที่เป็นเจ้าเมืองขึ้นแบบเก่าหรือแบบใหม่"
- "คำว่าประชาธิปไตยนั้น มักจะเข้าใจความหมายกันผิดๆ ประชาธิปไตยแปลว่า ประชาชนเป็นใหญ่ ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ปกครองโดยประชาชน และเพื่อประชาชน ประชาธิปไตยที่เราเห็นอยู่นี้ส่วนใหญ่ก็โดยประชาชน แต่ขาดหลักการ เพื่อประชาชน เพราะพวกชนะเลือกตั้ง มักละทิ้งหลักการเพื่อประชาชนไปเสีย กลายเป็นเพื่อตนเองและเพื่อนพ้องไปฉิบ"
- "ผู้อภิวัฒน์การปกครองของประเทศไทย หัวหน้าขบวนการเสรีไทย เป็นผู้มีคุณูปการแก่ชาติอย่างมากมาย แต่กลับกลายเป็นบุคคล ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีมากที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ สุดท้ายกลายเป็น คนดีที่เมืองไทยไม่ต้องการ"
คำพูดเกี่ยวกับ ปรีดี พนมยงค์
แก้ไขจ
แก้ไขเมื่อถูกชี้ตัวแล้วท่านก็เรียกกระผมขึ้นไปตึกโดม ใช้เวลาโอ้โลมปฏิโลมเกลี้ยกล่อม ทดสอบน้ำใจหลายครั้ง จึงทราบว่ากระผมกับพวกก็กำลังดำเนินงานเพื่อกู้ชาติอยู่เช่นกัน ต่อมาเข้าพบท่านปรีดี ในฐานะที่ตนดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นประธานรัฐสภา ไม่สามารถที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลร่วมจัดพิธีศพนายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโสได้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง จะต้องไปร่วมในการทำบุญตามประเพณีให้ได้ ไม่ว่าใครจะกล่าวอย่างไร ตนไม่ห่วงทั้งสิ้น เป็นเรื่องส่วนตัวที่ใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ผมคงให้ความเห็นในฐานะประธานรัฐสภาไม่ได้ แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว รู้สึกสะเทือนใจที่ท่านต้องล่วงลับไป ท่านเป็นผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้ผมมีโอกาสเข้าศึกษาในขั้นอุดมศึกษา ถ้าไม่มีท่าน อาจจะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของผมไม่มีโอกาสศึกษาในขั้นอุดมศึกษาเลยก็ได้ ผมจึงมีความเสียใจอย่างมาก | ||
— จารุบุตร เรืองสุวรรณ |
ด
แก้ไขก็เสียดาย ถ้าคุณพ่ออยู่ถึงวันนี้ก็อายุ 118 ปี คงเสียใจมั้งคะ กับสิ่งที่ได้ก่อสร้างเอาไว้ ท่านก็ถือหลักพุทธวจน สิ่งที่ได้ก่อสร้างไว้แล้วดี ย่อมไม่สูญหาย แต่คุณพ่อก็ได้ก่อสร้างสิ่งดีๆไว้เยอะ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนที่ระลึกถึงโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เราต้องฝากคนรุ่นใหม่ได้ดำเนินตามรอยของปรีดีแล้วสังคมไทยคงจะน่าอยู่ | ||
— ดุษฎี พนมยงค์ |
อ้างอิง
แก้ไข- ↑ 1.0 1.1 อนุสรณ์ในการบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอัฐิ นายปรีดี พนมยงค์, 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529, หน้า 65
- ↑ อนุสรณ์ในการบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอัฐิ นายปรีดี พนมยงค์, 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529, หน้า 65 (คำขวัญเนื่องในวันสถาปนากระทรวงการคลังครบรอบ 100 ปี ค.ศ. 1975)
- ↑ ปรีดี พนมยงค์, "ข้อสังเกตบางประการของนายปรีดี พนมยงค์ เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 1974," ใน วิจารณ์ร่าง รัฐธรรมนูญ (กรุงเทพฯ จงเจริญ, 2517), หน้า 2-3.ทัศนะแบบนี้ ปรากฏในบทความอื่น ๆ ของเขาในทศวรรษ 2520 เช่นเดียวกัน อาทิ ปรีดี พนมยงค์,ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเบื้องต้นกับการร่างรัฐธรรมนูญ (กรุงเทพฯ: นิติเวชช์, 1974), หน้า 1-2; ปรีดี พนมยงค์, "บางเรื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งคณะราษฎรและระบบประชาธิปไตย," ใน คำปราศรัย สุนทรพจน์บางเรื่อง ของนายปรีดี พนมยงค์ และบางเรื่องเกี่ยวกับขบวนการเสรีไทย อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร.ท. อู๊ต นิตยสุทธิ ณ ฌาปนสถาน วัดใหม่ อัมพร อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ๒๐ เมษายน ๑๙๗๔ (กรุงเทพฯ: สหประชาพาณิชย์, 2517),หน้า 100-101
- ↑ อนุสรณ์ในการบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอัฐิ นายปรีดี พนมยงค์, 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529, หน้า 63 (คำขวัญสำหรับบัณฑิตธรรมศาสตร์ ค.ศ. 1979)
- ↑ อนุสรณ์ในการบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอัฐิ นายปรีดี พนมยงค์, 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529, หน้า 64 (คำขวัญสำหรับบัณฑิตธรรมศาสตร์ ค.ศ. 1980)
- ↑ Paul, Pridi Through A Looking Glass, Asiaweek, 28 December 1979 - 4 January 1980
- ↑ อนุสรณ์ในการบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอัฐิ นายปรีดี พนมยงค์, 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529, หน้า 65 (จากบทความภยันตรายแห่งสงครามปรมาณู)
- ↑ อำนาจ ๒ ต่อสู้กู้ชาติ เอกราษฎร์ อธิปไตย โดย รุ่งมณี เมฆโสภณ ISBN 978-616-536-079-1 เมษายน ค.ศ. 2012 (พูดถึงระบอบประชาธิปไตย จากบ้านพักในนครกว่างโจว ประเทศจีน)
- ↑ งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ - ธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2526 ชาวธรรมศาสตร์ได้ขึ้นภาพแปรอักษรเพื่อระลึกถึงปรีดีความว่า "พ่อสร้างชาติด้วยสมองและสองแขน พ่อสร้างแคว้นธรรมศาสตร์ประกาศศรี พ่อของข้านามระบือชื่อปรีดี แต่คนดีเมืองไทยไม่ต้องการ"