ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 11:
อันดับแรกคือครอบครัวซึ่งเป็นกำลังใจที่ดี ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และคนใกล้ตัวผม ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการ พี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) และผู้ใหญ่หลายๆ คนที่ให้โอกาสผม ลูกค้าที่เราขายโฆษณา รวมถึงแฟนคลับ และทุกคนที่ผมได้ร่วมงานด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่ง ช่างแต่งหน้า ช่างไฟ ช่างกล้อง พวกเขาเป็นแรงผลัดดันทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญ นอกเหนือจากการที่เราเป็นตัวของตัวเอง มีส่วนช่วยทำให้เราสร้างรากฐานที่มั่นคง
 
=== เกี่ยวกับการบทบาทของตนเองและหน้าที่ ===
ความรู้สึกผม ถ้าเราคิดยังไงเราก็ทำอย่างนั้น ที่สำคัญต้อง "คิดดี คิดใส คิดให้ถูก" ถ้าเราคิดดี ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตก็จะดี ผมว่าการวางตัวที่ดี คือการเป็นตัวของตัวเอง บางครั้งอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ คือสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสตัวตนของผมได้ เพราะผมไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ ผมเป็นแค่นักแสดงคนหนึ่ง
 
=== เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคการทำงาน ===
ปล่อยวาง อย่าไปคิดมาก แต่ถ้าคิดแล้วต้องหาทางออก เคยได้ยินเรื่อง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ย ผมแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบนั้น เพราะคุณแม่ชอบเข้าวัดฟังธรรม ตอนเด็กๆ จะพาผมไปสวดมนต์ เดินจงกลม บางครั้งผมก็แอบหลับ แอบไปวิ่งเล่น ทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่วันหนึ่งที่ชีวิตมีปัญหา คำสอนเหล่านี้จะดังเข้ามาในหัวเอง รวมทั้งคำสอนของพ่อกับแม่ด้วย เพราะผมมีอะไรจะปรึกษาแม่ตลอด แม่ผมทำธุรกิจต้องดูแลคนเยอะ แม่จะรู้ว่าโลกภายนอกนอกเป็นยังไง และคอยสอนผมเสมอ
 
=== เกี่ยวกับบุพการี ===
คืออย่างที่บอกว่าเป็นการให้เกียรติ เพราะว่าตั้งแต่ผมเกิดมา ผมก็อยู่กับคุณแม่และก็ปะป๊ามาตลอด ทุกคนรักผมและนี่ก็คือความรักที่ผมมอบให้ทุกคน คือการทำงานและก็การที่ผมบอกว่าผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น และถ้าผมออกมาพูดตั้งแต่แรกว่าผมไม่ใช่แบบนี้จริงๆ ก็คงไม่มีใครมาสนใจหรอก<ref>[http://www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034752 “ณเดชน์” โผล่รับแล้ว ไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่น ที่แท้เป็นออสเตรีย]</ref>