วัดคุ้งตะเภา
พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ คราวเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ พุทธศักราช ๒๔๔๔
แก้ไขเมืองอุตรดิฐ
วันที่ ๒๕ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ ถึงกรมหลวงเทวะวงษวโรปการ "อนุสนธิรายงาน..ตามระยะทางที่ขึ้นมา ฝั่งน้ำยิ่งแปรปรวนมากขึ้น เมื่อเวลาน้ำกัดแทงเซาะเข้าไป ฝั่งลงน้ำตั้ง ๖ วา ๗ วา ไปงอกเปนหาดขึ้นฟากข้างหนึ่งแล้วแต่น้ำ ถ้าน้ำปีใดมากหาดก็สูง น้ำปีใดน้อยหาดก็ต่ำ ในระหว่างหาดกับฝั่งฤๅหาดใหม่กับหาดเก่า น่าแล้งเช่นนี้ดูเปนลูกคลื่นสูง ๆ ต่ำ ๆ ถ้าน่าน้ำ ๆ ท่วมถึงหว่างหาดกับฝั่งเปนลำมาบ เรือขึ้นล่องเดินในลำมาบ เพราะน้ำในแม่น้ำเชี่ยวจัด หาดหนึ่ง ๆ แลสุดสายตาจึงถึงฝั่ง แต่หาดนั้นก็ไม่ถาวรอยู่นาน ที่น้ำกลับเซาะกัดหาดพังไปอีก มีตัวอย่างที่จะเห็นได้ว่า เรือลำหนึ่งจมอยู่ในทรายครึ่งลำ ด้วยหาดงอกในที่นั้น แลกลับพังเสียแล้ว เรือนั้นยังไม่ทันผุ อีกอย่างหนึ่งสายน้ำเปลี่ยนสายอยู่เสมอ..." สยามินทร์
|
||
— พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ คราวเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ พุทธศักราช ๒๔๔๔ |
"เราแลเห็นพุ่มไม้วัดแลบ้านลิบ ๆ แต่ในการที่จะมาต้อนรับนั้น ต้องมาตกแต่งซุ้มแลปรำบนหาดซึ่งไม่มีต้นไม้แต่สักต้นเดียว แดดกำลังร้อนต้องมาจากบ้านไกลเปนหนักเปนหนา วัด (คุ้งตะเภา) ที่ตั้งอยู่บนตลิ่งหลังหาดต้องทำตพานยาวนับด้วยเส้น ลงมาจนถึงหาดที่ริมน้ำ แต่ถ้าน่าแล้งเช่นนี้ ตพานนั้นก็อยู่บนที่แห้ง แลยังซ้ำห่างน้ำประมาณเส้น ๑ หรือ ๑๕ วา ถ้าจะลงเรือยังต้องลุยน้ำลงมาอีก ๑๐ วา ๑๕ วา" | ||
— พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ คราวเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ พุทธศักราช ๒๔๔๔ |