คำพูด แก้ไข

  • ก่อนอื่นอยากจะฝากบอกไปถึงสามีของผู้หญิงคนนี้ว่า คนที่ถูกกลั่นแกล้งน่าจะเป็นประเทศไทยมากกว่า ประเทศไทยในที่นี่มีความหมายรวมถึงสถาบันสำคัญต่างๆของชาติ ได้แก่ สถาบัน, กระบวนการยุติธรรม, ศาลรัฐธรรมนูญ, กองทัพ ฯลฯ เพราะประเทศไทยถูกกลั่นแกล้งโดยสามีภรรยาคู่นี้มาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีร่วมกับขบวนการล้มเจ้าที่คอยปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายป้ายสีประเทศไทยด้วยวิธีการต่างๆนานามาโดยตลอด นอกจากคลิปลอนดอน 2016ที่พึ่งเปิดเผยไปไม่นาน ไม่เชื่อดูจากคลิปนี้ได้ครับว่าสามีภรรยาคู่นี้ไปใส่ร้ายสถาบันร่วมกับขบวนการล้มเจ้ายกแก๊งค์ในปี 2016 ที่ปารีส และที่น่ารังเกียจที่สุดคือในขณะที่คนไทยกำลังโศกเศร้าเสียใจกันทั้งแผ่นดินในช่วงเดือนตุลาคม 2016 สองคนนี้ก็ยังไปสุมหัวอัดคลิปกับคนหนีคดีกันที่ปารีสอีกครั้งเป็นจำนวนหลายคลิป ขอยกอันนี้มาให้ดูกันแบบชัดๆ ทั้งๆที่พฤติกรรมของสองคนนี้เป็นฝ่ายที่กลั่นแกล้งใส่ร้ายประเทศมาโดยตลอด ก็ไม่นึกเลยว่าทุกวันนี้สามีจะมีพฤติกรรมคล้ายกับเด็กมีปัญหาที่ทำอะไรก็ผิดไม่เป็นทั้งๆที่ทำผิด ดีแต่แก้ตัวไปเรื่อย แถ บิดเบือนทุกอย่างเข้าข้างตนเอง และดีแต่โทษคนอื่นแบบมัดมือชกยกตัวเองเป็นคนดีแบบดื้อๆด้านๆ ดังนั้นถ้าสามีไม่ด่าหรือพูดจาให้ร้ายศาลรัฐธรรมนูญนี่สิผิดปกติ เพราะพวกเขาทำเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว กลับมาที่ตัวภรรยาด้วยพฤติกรรมทั้งหลายเหล่านี้ จึงพูดได้ไม่ผิดเลยว่า ผู้หญิงคนนี้เป็น ดร.ใส่ร้ายประเทศไทย จบปริญญาเอกสาขาใส่ร้ายประเทศไทย วิทยานิพนธ์ก็เรื่องใส่ร้ายประเทศไทย ผลงานใส่ร้ายประเทศไทย บทความต่างๆก็ใส่ร้ายประเทศไทย หากินกับการใส่ร้ายประเทศไทย เหมือนทำอาชีพรับจ้างใส่ร้ายประเทศไทย สรุปว่าชีวิตนี้มีแต่ใส่ร้ายประเทศไทย ตั้งแต่วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกก็เขียนใส่ร้ายประเทศไทยมุ่งเน้นที่สถาบันแล้วแบบนี้จะไม่ให้เรียกว่า ดร.ใส่ร้ายประเทศไทยได้อย่างไร? และเมื่อสืบดูก็จะพบว่าอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของผู้หญิงคนนี้เป็นคนชาติเดียวกันที่มีพฤติกรรมในการโจมตีใส่ร้ายประเทศหลายๆประเทศในภูมิภาคอาเซียนเหมือนกันแต่จะเน้นไปที่ประเทศบรูไนเป็นหลักราวกับว่าคนกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการแบ่งๆกันโจมตีประเทศเป้าหมาย อีกทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้เองก็ยังเป็นที่ปรึกษาของคนนามสกุลเดียวกับสามีอีกด้วย ส่วนผู้หญิงคนนี้ใส่ร้ายประเทศไทยอย่างไรบ้าง? ใส่ร้ายสถาบันสำคัญใดๆของชาติบ้าง? สามารถดูได้จากบทความต่างๆเหล่านี้[1]
  • องค์กรดังกล่าวเป็นอาเซียนปาหี่ อ้างความเป็นอาเซียน แต่ไม่ดูกฎบัตรอาเซียน ปาหี่สไตล์น้ำตื้นๆแบบนี้ มีใครเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังก็คิดเอาเองแล้วกันนะครับ APHR ชอบปกป้องใคร? สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี ค.ศ.1976 พูดถึงหลักการ "Non-interference" หรือ "หลักการไม่แทรกแซงในกิจการภายในของกันและกัน" ไว้อย่างชัดเจนครับ ข้อที่ 2 กล่าวไว้ว่า ในความสัมพันธ์ระหว่างกัน อัครภาคีผู้ทำสัญญาจักรับเอาหลักการขั้นมูลฐานดังต่อไปนี้ เป็นแนวทาง คือ ก. การเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดนและเอกลักษณ์แห่งชาติของประชาชาติทั้งปวง ข. สิทธิของทุกรัฐที่จะนำความคงอยู่ของชาติตนให้ปลอดจากการแทรกแซง การบ่อนทำลาย หรือการขู่บังคับจากภายนอก ค. การไม่แทรกแซงในกิจการภายในของกันและกัน ง. การระงับข้อขัดแย้งหรือกรณีพิพาทโดยสันติวิธี จ. การเลิกคุกคามหรือใช้กำลัง ฉ. ความร่วมมือระหว่างอัครภาคีด้วยกันอย่างมีประสิทธิผล[2]
  • ฝากท่าน ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาด้วย เพราะถ้าท่านไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขตั้งแต่ตอนนี้ ระวังวันนึงมันจะสายเกินการเยียวยา แม้ว่าการทำงานของสื่อต่ำตมไร้จรรยาบรรณในเหตุการณ์กราดยิงโคราชในครั้งนี้อาจจะนำมาซึ่งความยากลำบากในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นของประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่มหันตภัยของสื่อที่ร้ายแรงที่สุด คือ การนำสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกทางการเมืองด้วยข้อมูลบิดเบือนและความเกลียดชังอันนำไปสู่ระเบิดเวลาทางสังคมที่อันตรายและนับได้ว่าเป็น ภัยใหญ่หลวงระดับประเทศ อันจะนำมาซึ่งความสูญเสียเกินคาดคิด ด้วยกระบวนการสร้างกระแสแห่งความเกลียดชังที่กำลังดำเนินอยู่ตลอดเวลาโดยพรรคการเมืองพรรคหนึ่งประสานกับกลุ่มทุนข้ามชาติที่ต้องการสร้างความแตกแยกและทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยทั้งประเทศที่นับได้ว่าเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ซึ่งแฝงไว้ด้วยความมุ่งหวังให้เกิดความคลุ้มคลั่งของคนในสังคมนำไปสู่ความรุนแรงที่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย เพราะว่าวันนี้ความคลุ้มคลั่งของกลุ่มบุคคลผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยจอมปลอมได้เกิดขึ้นในโลกโซเชียลแล้วโดยสื่อต่างๆที่เป็นแนวร่วมของพรรคการเมืองกลุ่มนี้เมื่อทุกคนสามารถเห็นถึงความรุนแรงและทัศนคติอันคลุ้มคลั่งที่ได้เกิดขึ้นในโลกโซเชียลแบบเกินขอบเขตก้าวไปสู่ความวิปริตอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เป็น “ปกติ” ในทุกวันนี้แล้ว[3]
  • ถ้าเรายังจะอยู่เฉยๆกันแล้วปล่อยให้สื่อต่ำตมกับเสรีภาพโสมมของมนุษย์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกโซเชียลนี้บานปลายกลายสภาพเป็นความรุนแรงในสังคมจริงๆตามบทที่ถอดแบบมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศสอยู่อีกหรือ? เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริง มันจะไม่ใช่แค่คนคลั่งเพียงคนเดียวแบบเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่จะเป็นกลุ่มคนคลั่งประชาธิปไตยจอมปลอม ที่ผ่านการกรอกข้อมูลด้านเดียวและการชี้นำทางความคิดที่บิดเบือนซ้ำๆด้วยความเกลียดชังจากคนใจอำมหิตที่ต้องการใช้ชีวิตผู้คนที่บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือทางการเมือง แล้วความเสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมืองและสังคมที่ตามมามันจะมากมายขนาดไหน? ช่วยกันหยุดระเบิดเวลาแห่งความบ้าคลั่งลูกนี้ก่อนที่จะสายเกินไปลดความคลั่งประชาธิปไตยจอมปลอมแล้วเพิ่มความเป็นคน โลกมาถึงจุดที่ไม่ต้องยิงระเบิดนิวเคลียร์ใส่กันแล้ว หากแต่ทำได้โดยการอัดเงินเข้าไปสร้างความแตกแยกในประเทศนั้นๆด้วย “สื่อ” ทุกชนิด[3]

อ้างอิง แก้ไข