หนึ่งในทรวง
หนึ่งในทรวง เป็นบทประพันธ์ของ บุษยมาส ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก ในรูปแบบภาพยนตร์ ออกฉายในปี พ.ศ. 2506 สร้างโดย จินดาวรรณภาพยนตร์ กำกับโดย ศิริ ศิริจินดา นำแสดงโดย (ไชยา สุริยัน, เพชรา เชาวราษฎร์, อดุลย์ ดุลยรัตน์, สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์, ดอกดิน กัญญามาลย์) เข้าฉายวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2506 ฉายที่โรงภาพยนตร์คาเธ่ย์
คำคม
แก้ไขถ้าคุณหญิงทำผิด คุณครูจะตีค่ะ แต่ไม่ใช่ในครั้งแรกที่ทำผิด ดิฉันจะบอกให้คุณหญิงรู้ว่าทำผิดยังไง และเด็กที่ดีจะไม่ทำผิดซ้ำ ๆ ถึงกับลงโทษด้วยการตีค่ะ | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ คุณหญิงกรกนก จรูญลักษณ์ |
ดิฉันรู้ดีค่ะ เพราะดิฉันก็กำพร้าทั้งพ่อและแม่ ท่านจากไปตั้งแต่ฉันอายุ 4 ขวบ แต่ถึงดิฉันจะกำพร้าแต่ก็ยังมีคนคอยรักและห่วงใยดิฉันมากมาย ทั้งคุณลุงคุณป้าและก็พี่ ๆ ดิฉันคิดว่าถ้าเราเป็นคนดี คงไม่มีใครมารังเกียจเราค่ะ | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ คุณหญิงกรกนก จรูญลักษณ์ |
ดิฉันคิดว่าเด็กทุกคนต้องเรียนหนังสือให้มาก ๆ ทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าจะพิการหรือไม่ก็ตามเพราะความรู้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนเท่า ๆ กันค่ะ ความพิการไม่ใช่อุปสรรคถ้าเราต้องการที่จะเรียนรู้ ถ้าเรามีความรู้ใครจะมาดูถูกเราไม่ได้ค่ะ และถ้ามีใครมาดูถูกเรา เราก็จะไม่อ่อนไหวไปกับคำพูดดูถูกนั้น | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ คุณหญิงกรกนก จรูญลักษณ์ |
ถ้าปุ้มเป็นเป็ด พวกพี่ก็จะเป็นเป็ดเหมือนกัน จะได้ว่ายน้ำไปด้วยกัน ปล่อยให้ยัยส่องเป็นหงษ์เหงาอยู่ตัวเดียวไม่มีใครคบ | ||
— สัทธา พูดกับ สุดาและหทัยรัตน์ |
ฉันไม่ได้รักหทัยรัตน์ที่หน้าตา สิ่งที่มีค่าของเค้าคือ ความน่ารัก สดใส และจิตใจอันงดงาม ที่แกพูดแบบนี้ เพราะแกยังไม่รู้จักเค้าดีพอ | ||
— พินิจ พูดกับ อนวัช |
ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบทำงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก บ่นว่าน่าเบื่อ และมักคิดว่าตัวเองไม่มีความละเอียดอ่อน แต่มันไม่ใช่เลย เวลาผ่านไปหลายปี แต่แกยังจำได้ว่าฉันชอบอะไร คนจิตใจกระด้างจะไม่ทำแบบนี้ | ||
— พินิจ พูดกับ อนวัช |
จงมองหทัยรัตน์อย่างไม่มีอคติ แล้วแกจะได้เห็นตัวตนของเค้าในแบบที่ฉันเห็น | ||
— พินิจ พูดกับ อนวัช |
ผมไม่ใช่คนที่ชอบอะไรที่เปลือกนอกครับ ถ้าผมจะหลงใหลผู้หญิงสักคน ผมจะต้องรักที่หัวใจ ไม่ใช่แค่ความสวยอย่างเดียว | ||
— อนวัช พูดกับ ส่องแสงและสีสุก |
ส่องไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่อยากเอาทองไปถูกระเบื้องให้มันเสื่อมราคา | ||
— ส่องแสง พูดกับ สีสุก |
ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีสมบัติอะไร แต่สิ่งที่ดิฉันมีคือ ศักดิ์ศรี | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ คุณนายนวล |
คุณทำทุกอย่าง พูดทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ เพราะคุณคือคุณหนึ่ง อนวัช ผู้ไม่เคยผิด ไม่เคยแพ้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณ แต่ชั้นไม่ใช่ ชั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่จะต้องรับผลกระทบทั้งหมดเพียงผู้เดียว | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ อนวัช |
ชั้นจะไปโกรธใครได้นอกจากตัวเองที่ทำตัวเป็นผู้หญิงเหลวไหล | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ พรรณี |
ที่ผ่านมา ฉันพยายามทำตัวอยู่ในกรอบปฎิบัติอันดี แต่วันนี้..ทุกคนทำเหมือนฉันไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ จะจูงไปไหน จะสั่งให้ทำอะไรก็ได้..โดยที่ไม่มีใครคิดถึงจิตใจฉันเลย แล้วสุดท้ายเมื่อทุกคนได้ในสิ่งที่ต้องการ ทุกคนพอใจ แต่คนที่ต้องเสียใจ คนที่โดนดูถูกก็คือฉัน..ฉันคนเดียวเท่านั้น | ||
— หทัยรัตน์ พูดกับ พรรณี |
ถ้าไม่ยอมก็หน้าด้านเกินไปล่ะ คนเราจะทนอยู่กับคนที่แต่งงานกับเราเพราะความจำเป็นได้ยังไง คนเรามันต้องมีศักดิ์ศรีกันบ้าง จะทนอยู่ได้ยังไงในเมื่อผู้ชายไม่ได้รักตัวเองสักนิด | ||
— ส่องแสง พูดกับ ชุลี |
ไม่ใช่แค่จำได้ แต่ไม่มีวันลืม แม่ของหนึ่งคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้พ่อ “หยุด” ... “หยุดสายตา” ไว้ที่ใบหน้าสวยหวาน มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ “หยุดหัวใจ” ไว้ที่ความน่ารัก ความดี ความอ่อนโยน แล้วก็ “หยุดการแสวงหา” พ่อไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นอีกเลย ตั้งแต่ได้รู้จักแม่ของหนึ่ง | ||
— วิทย์ พูดกับ อนวัช |
เมื่อเราคิดที่จะหยุดอยู่กับใครสักคน อยากใช้ชีวิตอยู่กับเค้า เราจะได้คำตอบเองว่า คนนี้คือคนที่เราอยากแต่งงานด้วย แล้วหนึ่งล่ะ คิดอยากจะ “หยุด” ขึ้นมาบ้างหรือยัง | ||
— วิทย์ พูดกับ อนวัช |
ที่ผมทุกข์อยู่ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะ ผิดหวัง ถ้าผมไม่ผิดหวังผมก็ไม่เป็นทุกข์ | ||
— ประสาทพร พูดกับ สุดา |
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นเอง | ||
— หทัยรัตน์ เป็นคนพูด |
ถึงฉันจะรักพี่หนึ่งมากแค่ไหน แต่ฉันก็รักตัวเองมากกว่าอยู่ดี | ||
— ส่องแสง พูดกับ ชุลี |
โรคที่คุณอนวัชเป็นอยู่ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการดูแลจากคนที่รักกัน แค่นี้ก็ดียาทุกขนานแล้วครับ | ||
— หมอประสงค์ พูดกับ หทัยรัตน์ |