เอนก เหล่าธรรมทัศน์
ศาสตราจารย์พิเศษ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ นักวิชาการและนักการเมืองชาวไทย สมาชิกและกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 7/2560 ประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ ตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 14/2560 อธิการ วิทยาลัยบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต นักวิชาการและนักการเมือง อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน และอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกิดวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1954 ที่จังหวัดลำปาง เป็นเจ้าของทฤษฎี "สองนคราประชาธิปไตย" ที่สรุปว่า "คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาล คนกรุงเทพฯล้มรัฐบาล" เคยได้รับสมญานามจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง"
คำพูดแก้ไข
- ที่อยากเสนอตั้งแต่ต้นคือ เมื่อการศึกษาประวัติศาสตร์ให้กว้างขึ้นด้วยกระบวนทัศน์ที่บูชา หลงใหลตะวันตกน้อยลง กลับมีข้อสรุปใหม่ๆ ว่า ประชาธิปไตยดั้งเดิมก็ไม่ได้ผูกขาดเป็นของ ชาวตะวันตกเท่านั้น ไม่เป็นอย่างที่เราเคยเข้าใจกัน คือ ประชาธิปไตยนั้นไม่ได้เริ่มที่กรีซโบราณ หรือ เอเธนส์โบราณเมื่อสองพันห้าร้อยปีมาแล้ว ความจริง ก่อนจะมีประชาธิปไตยที่กรีซโบราณนั้น มีประชาธิปไตยคล้ายกันที่สุเมเรีย (อิรัก และอิหร่านในเวลานี้) และฟินีเซีย (เลบานอน เวลานี้) ทั้งสุเมเรียและฟินีเซียไม่ใช่อารยัน ทั้งสองอยู่ ในเอเชียตะวันตก ไม่ไกลจากกรีซและโรม[1]
- คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรค “อนาคตใหม่” ต้องการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ตามอุดมการณ์ของเขา จึงเอาแต่พาประชาชนให้โกรธประเทศนี้ คุณค่อนขอดความเป็นไทย ทำจนเป็น “ฮ้อบบี้” แต่ทั่วทั้งพรรคจะรู้กันไหม ตระหนักกันไหมว่า เมืองไทยนั้น ถึงจะมีจุดอ่อนข้อบกพร่อง แต่ก็ “ดี” ที่สุดแห่งหนึ่ง[2]
- ถ้าเมืองไทยไม่ดีคนอย่างคุณธนาธรและครอบครัวซึ่งมาจากเมืองจีนไม่นาน จะร่ำรวยขึ้นเป็นหมื่นล้าน ได้หรือ คุณธนาธร สนุกกับการวิพากษ์คุณลักษณะของชาติ กับ สถาบัน-ประเพณีไทย อย่างโหดร้าย ขนาด “ยิ้มสยาม” คุณก็ไปแปลว่าไม่มีสมอง ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน[2]
- ในวันนี้ คุณธนาธรก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคและขึ้นเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้ ในประเทศที่คุณเองพร่ำบ่นว่า “เหลื่อมล้ำ” รับไม่ได้ ความสำเร็จ “จึงรุ่งเรืองกิจ” ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นได้ในไม่กี่ชั่วคน ไม่ถึงร้อยปีที่บรรพบุรุษคุณมาจากจีน ลองคิดดู หากบรรพชน “เสื่อใบหมอนใบ” ของพวกคุณไปขึ้นฝั่งที่อินโดนีเซียหรือมลายู หรือกัมพูชาแทนที่จะมาสยาม คุณจะมีชีวิต ฐานะ และบทบาท สูงเด่นอย่างทุกวันนี้ได้หรือ ?[2]
- ไม่แน่นะครับ อาจถูกฆ่าทิ้งเสียที่อินโดนีเซีย ถูกเขมรแดงกวาดไปตายในป่าเขา หรือ พ่อแม่คุณ จะถูกรัฐมาเลเชียสั่งให้เป็นพลเมืองขั้นสอง ไม่ใช่ “ภูมิบุตร”ผู้สูงส่ง ก็เป็นได้[2]
- พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณกาลท่านเป็น “พญาจักรพรรดิราช” ตามหลักนี้ท่านไม่มีแต่พสกนิกรที่เป็นไทยแท้เท่านั้น ท่านทรงโปรดปรานคนต่างชาติต่างภาษาให้เข้ามารวมอยู่ในพระบรมโพธิสมภารเดียวกัน ทรงเมตตาให้ความร่มเย็นเป็นธรรมแก่ราษฎรทุกชาติทุกพันธ์ ทุกศาสนาและ ทรงอนุญาตให้พวกเขาอยู่ในภาษาและวิถีชีวิตแบบเดิมได้ แต่ถ้าใครจะผสมกลมกลืนเป็นไทยด้วย ก็มิทรงรังเกียจเดียดฉันท์ จะเป็น มอญ พม่า เขมร ลาว มาก่อน จะเป็นแขก ฝรั่ง จีน มาแต่เดิม ก็ทรงชุบเลี้ยง จะเห็นได้ว่าเสนาบดี รัฐมนตรี อธิบดี เอกอัครราชทูต หรือ นับสูงขึ้น แม้กระทั่งองคมนตรี จนถึง ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน หลายท่าน ก็ไม่ใช่ “ไทยแท้” ในสายเลือด แต่ท่านเลือกจะเป็น “ไทยแท้” ที่หัวใจ สนองพระเดชพระคุณสุดชีวิต ชั่วชีวิต[2]
- คุณธนาธร คุณเก่ง-กล้า จะมีอนาคตทางการเมืองอย่างแน่นอน ผมขออวยพร ผมเองก็มิต่างจากคุณมากนักทางชาติพันธ์ คุณทักษิณเรียกผมอย่างดูแคลนว่า “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” แต่ที่จริงเขาเองก็”ซินตึ๊ง” เช่นกัน พวกเรานั้นเป็น “ไทยผสม” เป็น “ไทยปนจีน” (ผมเองยังปนไทลื้อ-ไทยวน อีกด้วย) แต่ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้โอกาสคนพันธ์อื่น คนพันธ์ใหม่ ได้ดีกว่าที่นี้ ..ประเทศไทย[2]