ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

อดีตพระราชวงศ์อังกฤษ

ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (อังกฤษ: Diana, Princess of Wales) มีพระนามเดิมว่า ไดอานา ฟรานเซส (Diana Frances) สกุลเดิม สเปนเซอร์ (Spencer) (1 กรกฎาคม ค.ศ. 1961 – 31 สิงหาคม ค.ศ. 1997) เป็นพระชายาองค์แรกของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อครั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็น เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์

เจ้าหญิงไดอานา (1997)

คำกล่าว จาก บิล คลินตัน ถึง ไดอานา เรื่องโรคเอดส์

แก้ไข
"In 1987, when so many still believed that AIDS could be contracted through casual contact, Princess Diana sat on the sickbed of a man with AIDS and held his hand.She showed the world that people with AIDS deserve no isolation, but compassion and kindness. It helped change world opinion, and gave hope to people with AIDS with an outcome of saved lives of people at risk. ”

(ในปี ค.ศ. 1987 นั้น ทั้งที่ผู้คนมากมายยังคงมีความเชื่อว่าโรคเอดส์สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับผู้ป่วย เจ้าหญิงไดอานากลับประทับนั่งร่วมกับผู้ป่วย และยังประทานพระหัตถ์ให้จับ พระองค์ทรงแสดงให้โลกได้รู้ว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ไม่ควรถูกทำให้แปลกแยกแตกต่าง หากแต่ควรได้รับความกรุณาและความอ่อนโยน การกระทำของพระองค์ทำให้โลกเปลี่ยนไปทันที และทรงมอบความหวังประทานให้กับผู้ป่วยที่จะมีชีวิตต่อไป)

บทความไว้อาลัยจากผู้อื่น ถึงเจ้าหญิงไดอานา

แก้ไข

พระราชสาสน์จากพระราชินี

แก้ไข

สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 มีพระราชดำรัสเมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน เวลา 6 นาฬิกา ถ่ายทอดตรงจากพระราชวังบัคกิ้งแฮม ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า

"What I say to you now as your queen and as a grandmother, I say from my heart, First, I want to pay tribute to Diana myself."

(สิ่งที่ข้าพเจ้าจะได้พูดต่อไปนี้ ทั้งในฐานะสมเด็จพระราชินีของพวกท่านและในฐานะย่าคนหนึ่งของหลาน ข้าพเจ้าพูดทั้งหมดออกจากหัวใจของข้าพเจ้า ก่อนอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอาลัยต่อการจากไปของไดอาน่า)

"She was an exceptional and gifted human being. In good times and bad, she never lost her capacity to smile and laugh, nor to inspire others with her warmth and kindness."

(ไดอาน่าเป็นคนที่ได้รับการยกเว้น เป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างมาเพื่อเป็นของขวัญประทานแก่พวกเราโดยแท้ ไม่ว่าจะเวลาทุกข์หรือสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้าของเธอ อีกทั้งยังความอบอุ่น และความอ่อนโยนอย่างยิ่งของเธอที่มีต่อผู้อื่นตลอดเวลา)

No-one who knew Diana will ever forget her. Millions of others who never met her, but felt they knew her, will remember her. I for one believe there are lessons to be drawn from her life and from the extraordinary and moving reaction to her death. I share in your determination to cherish her memory.

(ไม่มีใครที่ได้รู้จักไดอาน่าแล้วจะสามารถลืมเธอได้ ผู้คนจำนวนนับล้านไม่เคยพบเธอ หากแต่ก็รู้สึกเหมือนว่ารู้จักเธอ พวกเขาเหล่านั้นก็จะจดจำเธอไว้ด้วยเช่นกัน ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในผู้ที่เชื่อมั่นว่าชีวิตของไดอาน่าเป็นสิ่งที่พวกเราควรจะเรียนรู้ และจากความตายน่าขมขื่นและยังไม่ควรจะมาถึงเธอ ข้าพเจ้าขอเป็นหนึ่งในผู้คนที่จะจดจำเธอไว้ตลอดไปเช่นเดียวกับพวกท่านทั้งหลาย)

This is also an opportunity for me, on behalf of my family, and especially Prince Charles and William and Harry, to thank all of you who have brought flowers, sent messages and paid your respects in so many ways to a remarkable person. These acts of kindness have been a huge source of help and comfort.

(เป็นความเศร้าอย่างยิ่งสำหรับทั้งตัวข้าพเจ้าเองและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ วิลเลียมและแฮร์รี่ พวกเราขอแสดงความขอบใจต่อพวกท่านทั้งหลายสำหรับดอกไม้ ข้อความและกำลังใจที่มาจากทั่วทุกทิศทาง เพื่อบุคคลที่โดดเด่นหนึ่งเดียวนี้ ความกรุณาที่พวกท่านมอบให้จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ให้พวกเราสำหรับกำลังใจในการจัดการสิ่งต่าง ๆ ต่อไป)

I hope that tomorrow we can all, wherever we are, join in expressing our grief at Diana's loss, and gratitude for her all-too-short life. It is a chance to show to the whole world the British nation united in grief and respect.

(ข้าพเจ้าหวังว่าเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง พวกเราทั้งหมดจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ณ ที่ที่เราเคยเป็นมา และร่วมกันที่จะแบ่งปันความเศร้าโศกในความสูญเสียของไดอาน่า รวมทั้งอาลัยในชีวิตที่แสนสั้นของเธอ บัดนี้เป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้แสดงให้ทั่วทั้งโลกได้เห็นถึงพลังความและเป็นอันหนึ่งอันเดียวของเครือจักรภพ ชาติของพวกเรา)

หมายเหตุ อ่านพระราชดำรัสทั้งหมด รวมทั้งรับฟังพระสุรเสียงได้ที่นี่

กลอนจากพี่สาวคนโต

แก้ไข

เลดี้ซาร่าห์ แม็กคอเดล พระเชษฐภคินีคนโตของเจ้าหญิงอ่านกลอนไว้อาลัย

"If I should die and leave you here awhile,

Be not like others, sore undone, who keep

Long vigils by the silent dust, and weep.

For my sake - turn again to life and smile,

Nerving thy heart and trembling hand to do

Something to comfort other hearts than thine.

Complete those dear unfinished tasks of mine

And I, perchance, may therein comfort you."

(จากบทกวี "TURN AGAIN TO LIFE" ของแมรี่ ลี ฮอว์)

กลอนจากพี่สาวคนรอง

แก้ไข

เลดี้เจน เฟเลอว์ พระเชษฐภคินีคนรองของเจ้าหญิงอ่านกลอนไว้อาลัย

"Time is too slow for those who wait,

too swift for those who fear,

too long for those who grieve,

too short for those who rejoice,

but for those who love, time is eternity."

(จากบทกวี FOR KATRINA'S SUN DIAL ของแฮนรี่ เวน ดั๊ค)

คำกล่าวไว้อาลัยจากน้องชาย

แก้ไข

เอิร์ลสเปนเซอร์ พระอนุชาของเจ้าหญิงได้กล่าวคำไว้อาลัยซึ่งมีใจความสำคัญตอนหนึ่งดังนี้

"Only now you are gone do we truly appreciate what we are without, and we want you to know that life without you is very, very difficult.

We have all despaired for our loss over the past week and only the strength of the message you gave us through your years of giving has afforded us the strength to move forward.

There is a temptation to rush, to canonize your memory. There is no need to do so. You stand tall enough as a human being of unique qualities, and do not need to be seen as a saint."

(โดยเฉพาะบัดนี้เมื่อพี่ได้จากไป ทำให้เราได้รู้ว่าอะไรที่ขาดหาย และผมอยากจะบอกให้พี่ได้ทราบว่าเมื่อไม่มีพี่แล้ว ชีวิตของพวกเราดำเนินต่อไปอย่างยากเย็นเพียงไหน

พวกเราทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ที่ได้รับความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่การกระทำของพี่ที่ผ่าน ๆ มามอบกำลังใจให้กับพวกเรา และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราสามารถมีชีวิตต่อไปได้แม้มันจะยากเย็นเพียงไร

ตอนนี้มีหลายต่อหลายคนเรียกร้องอยากจะให้พี่ได้เป็นนักบุญ แต่สำหรับผมมันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น พี่แค่เป็นอย่างที่พี่เป็น พี่ก็ก็เป็นคนดีที่ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะสามารถเป็นได้อยู่แล้ว และมันไม่จำเป็นเลยที่จะให้ใครต่อใครมาเรียกพี่ว่านักบุญ)

"I would like to end by thanking God for the small mercies he has shown us at this dreadful time, for taking Diana at her most beautiful and radiant and when she had joy in her private life.

Above all, we give thanks for the life of a woman I’m so proud to be able to call my sister the unique, the complex, the extraordinary and irreplaceable Diana whose beauty, both internal and external, will never be extinguished from our minds."

(ผมอยากจะจบคำกล่าวนี้ด้วยการขอกราบทูลขอบพระทัยในองค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับความกรุณาของพระองค์แม้เล็กน้อยที่ได้ประทานให้พวกเราในช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ สำหรับการที่พระองค์ได้ทรงนำไดอานาไปในขณะที่เธอสวยงามและแจ่มใส ช่วงที่เธอได้มีความสุขที่สุดในชีวิตของเธอ

เหนืออื่นใดทั้งหมด พวกเราขอกราบทูลขอบพระทัยสำหรับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่งดงาม ผู้หญิงคนที่ผมจะขอเรียกเธออย่างเต็มปากเต็มคำและด้วยความภาคภูมิใจทั้งหมดของผมว่าเธอเป็นพี่สาวของผม หนึ่งเดียวที่สมบูรณ์แบบ วิเศษอย่างที่สุด และจะไม่มีผู้ใดทดแทนที่เธอได้ ไดอาน่า ผู้งามพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ พี่จะเป็นผู้ซึ่งจะคงอยู่ตลอดไปในหัวใจของพวกเราทุกคนครับ)

หมายเหตุอ่านคำไว้อาลัยฉบับเต็มได้ที่นี่